ชีวิตคนในสังคมไทยปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว จากสังคม เกษตรกรรมเป็นหลัก วิถีชีวิตของคนในครอบครัวไทยจึงแปรเปลี่ยนตามไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งจากเดิมในอดีต ครอบครัวไทยเรียนรู้ที่จะดำเนินชีวิตในแบบเกษตรกรรม และสมาชิกทุกคนในครอบครัวเป็นผู้ออกแรงร่วมกันในการเพาะปลูก พ่อแม่ตายายเป็นผู้มีประสบการณ์มาก จึงถ่ายทอดประสบการณ์ต่าง ๆ ไปสู่ลูกหลาน ดังนั้นวิถีชีวิตของสมาชิกในครอบครัวจึงมีการพึ่งพาและสอดประสานกันอย่างเป็นระบบ
แต่ปัจจุบันวิถีชีวิตของผู้คนในครอบครัวแปรเปลี่ยนไปสู่สังคมอุตสาหกรรม
คนรุ่นใหม่ต้องออกไปสู่ตลาดแรงงานภายนอก เรียนรู้และรับเทคโนโลยีมาจากต่างประเทศ ทิ้งให้พ่อแม่คนแก่เฒ่าอยู่ในสังคมเดิม สมาชิรุ่นใหม่ไม่เห็นคุณค่าของคนรุ่นเก่า ขาดความเคารพภูมิปัญญา
เนื่องจากพวกเขาเหล่านั้นไม่ใช่เป็นผู้ถ่ายทอดประสบการณ์อีกต่อไป สังคมเกษตรกรรมแต่เดิมถูกปล่อยทิ้งไว้โดยขาดคนเหลียวแล ดังนั้นครอบครัวในสังคมไทยปัจจุบันจึงประกอบด้วยคนสองยุคสมัย
หรือบางครอบครัวมีเพียงคนรุ่นใหม่เท่านั้น และสมาชิกของครอบครัวได้กระจายออกไปตามแหล่งจ้างงาน โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ของประเทศ
เชียงใหม่เป็นจังหวัดหนึ่งที่เกิดสภาพการณ์ดังกล่าว ไม่ต่างไปจากจังหวัดอื่น ๆ ของประเทศ
สถานการณ์เช่นนี้ก่อปัญหาต่าง ๆ ตามมา และปัญหาหนึ่งที่นับว่าเป็นปัญหาใหญ่ที่สังคมควรจะให้ความสนใจ เอาใจใส่ คือ ปัญหาเด็กเร่ร่อน
"เ ด็ ก เ ร่ ร่ อ น"
Street Children เป็นเด็กที่ถูกผลกระทบจากระบบครอบครัวที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด ระบบครอบครัวที่สมาชิกไม่เกิดการสอดประสานในวิถีการดำเนินชีวิตอย่างเป็นระบบเหมือนแต่ในอดีต ปัญหาในครอบครัวที่มีผลผลักดันให้เด็กในครอบครัวออกมาใช้ชีวิตเร่ร่อนในเขตเมือง คือ ครอบครัวที่พ่อแม่ทะเลาะเบาะแว้งกันบ่อย ๆ ครอบครัวที่พ่อแม่หย่าร้างกัน แล้วทิ้งเด็กให้เป็นภาระของญาติพี่น้อง ครอบครัวที่พ่อแม่หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียชีวิตลงกระทันหัน ฯลฯ
ในเชียงใหม่ เมื่อเด็กออกมาจากครอบครัว มักจะเข้าสู่กลุ่มเพื่อนที่มีวิถีชีวิตคล้ายคลึงกัน
หาเลี้ยงชีพด้วยการขายบริการทางเพศ เป็นเด็กเสิร์ฟ เด็กปั้มและอยู่ในตลาดแรงงานที่ผิดกฎหมาย เช่น ขายยาเสพติด ฯลฯ ปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้จึงเป็นปัญหาของสังคมที่ทุกคนควรจะร่วมมือกันแก้ไข
ซึ่งหลายคนมักจะโทษไปที่ตัวเด็กว่าเป็นผู้ก่อปัญหา แต่เราจะมองเพียงปลายเหตุเท่านั้นหรือ